วันพฤหัสบดีที่ 15 ตุลาคม พ.ศ. 2558

การออกแบบการสอน,สื่อ, วิธีการสอน, แหล่งเรียนรู้ 10/10/58


www.denvercoloradotraining.com



 การออกแบบการเรียนรู้ เป็นการออกแบบที่มีเป้าหมายความเข้าใจในการเรียนรู้ ผู้ออกแบบหรือผู้สอนจึงต้องคิดอย่างนักประเมินผล ตระหนักถึงหลักฐานของความเข้าใจทั้ง 6 ด้าน ที่ชัดเจนและลึกซึ้ง โดยผู้เรียนสามารถอธิบาย แปลความ ในการนำไปประยุกต์ใช้ การออกแบบการเรียนรู้จึงเป็นการส่งเสริมให้ผู้เรียนมีความสามารถ ในการแสดงความสามารถการนำเสนอมุมมองได้อย่างหลากหลาย ดังนี้
1.  ความสามารถในการอธิบาย ผู้เรียนสามารถอธิบาย ด้วยหลักการที่เป็นเหตุและผล อย่างเป็นระบบ
การประเมินผล ใช้วิธีการพูดคุยเพื่อประเมินเหตุผลจากการอธิบายของผู้เรียน  การมอบหมายงานที่ใช้ทักษะการเขียน การเรียงความ หรือย่อความ  การสอบถามถึงประเด็นที่ผู้เรียนมักสับสนหรือหลงประเด็น  การให้ผู้เรียนสรุปประเด็นการเรียนรู้   และการสังเกตลักษณะคำถามที่ผู้เรียนสอบถาม
2.  ความสามารถในการแปลความ ผู้เรียนสามารถแปลความได้ชัดเจน และตรงประเด็น
การประเมินผล  ใช้วิธีการให้ผู้เรียนเขียนสะท้อนเรื่องราว แนวคิด หรือทฤษฎี เพื่อประเมินเกี่ยวกับการลำดับ ไล่เรียง และความชัดเจนของสาระเนื้อหา
3.  ความสามารถในการประยุกต์ใช้ ผู้เรียนสามารถนำไปปฏิบัติใช้ได้อย่างถูกต้องและครอบคลุม
การประเมินผล  ใช้วิธีการให้ผู้เรียนนำความรู้ไปใช้ในสถานการณ์ที่กำหนดวัตถุประสงค์เฉพาะ  การให้ผู้เรียนประเมินหรือเขียนข้อมูลป้อนกลับจากการนำความรู้ไปใช้
4.  ความสามารถในการมองมุมที่หลากหลาย ผู้เรียนสามารถเสนอมุมมองใหม่ ที่ทันสมัยและน่าเชื่อถือ
การประเมินผล  ใช้วิธีการวิเคราะห์วิจารณ์ โดยให้ผู้เรียนเปรียบเทียบข้อดี-ข้อเสีย แนวทางในการคิด การมองจากสถานการณ์ตัวอย่าง
5.  ความสามารถในการเข้าใจความรู้สึกของผู้อื่น ผู้เรียนมีความพร้อมในการรับฟังและสนองตอบ
การประเมินผล  ใช้วิธีการให้ผู้เรียนประเมินความสามารถในการสมมติ การเข้าไปนั่งในใจผู้อื่น
6.  ความสามารถในการเข้าใจตนเอง ผู้เรียนมีความใส่ใจ พร้อมปรับตัวรับการเรียนรู้ใหม่
การประเมินผล  ใช้วิธีการให้ผู้เรียนประเมินเปรียบเทียบผลงานของตัวเองแต่ละช่วงเวลา มีความรู้และเข้าใจมากขึ้นเพียงไร
ครูผู้สอน: WHERE:  การออกแบบการเรียนรู้
W   Where are we heading?  เป้าหมายการเรียนรู้จะเป็นไปในทิศทางไหน
H    Hook the student through provocative entry points   ออกแบบการเรียนรู้ให้น่าสนใจเพื่อสร้างแรงจูงใจ
E    Explore and Enable      การคัดเลือกเนื้อหาที่ผ่านการวิเคราะห์ประเด็นแนวคิด ทฤษฎี และการนำไปใช้
R    Reflection and Rethink  การวิเคราะห์กระบวนการเรียนรู้และการสังเคราะห์ข้อสรุปจากเนื้อหาสาระ
E     Exhibit and Evaluate       การประเมินผลที่มีเป้าหมายชัดเจน เน้นสภาพความเป็นจริง

ครูผู้สอน: มิติการคิด: นักประเมินผลและนักออกแบกิจกรรม



การคิดอย่างนักประเมินผล
การคิดอย่างนักออกแบกิจกรรม
อะไรคือหลักฐานการเรียนรู้ที่เพียงพอและชัดเจนกิจกรรมอะไรทำให้ผู้เรียนเข้าใจและติดตาม
อะไรคือจุดเน้นของการเรียนการสอนจะใช้สื่ออุปกรณ์ชนิดใดสำหรับหัวข้อนี้
อะไรคือจุดจำแนกผู้เรียนที่รู้และไม่รู้จะกำหนดกิจกรรมและโครงการอย่างไร
อะไรคือเกณฑ์ในการตัดสินงานจะให้คะแนนและชี้แจงประเมินผลอย่างไร
จะตรวจสอบความเข้าใจผิดของผู้เรียนได้อย่างไรกิจกรรมที่ไม่ได้ผล เป็นเพราะอะไร


                Cr. ผศ.ดร.กรองได  อุณหสูต
สรุป
     การออกแบบการเรียนการสอน  เป็นการออกแบบเพื่อใช้ปฏิบัติกับผู้เรียนเพื่อให้ผู้เรียนเกิดการเรียนรู้อย่างมีประสิทธิภาพและเมื่อพบปัญหาก็ต้องมีการแก้ไขและพัฒนาเพื่อให้การจัดการเรียนการสอนมีประสิทธิภาพเพิ่มขึ้น



ผลการค้นหารูปภาพสำหรับ สื่อการเรียนรู้



 สื่อการสอน (Instruction Media) หมายถึง วัสดุ อุปกรณ์ หรือวิธีการใด ๆ ก็ตามที่เป็นตัวกลางหรือพาหะ
ในการถ่ายทอดความรู้ ทัศนคติ ทักษะและประสบการณ์ไปสู่ผู้เรียน สื่อการสอนแต่ละชนิดจะมีคุณสมบัติพิเศษและมีคุณค่า
ในตัวของมันเองในการเก็บและแสดงความหมายที่เหมาะสมกับเนื้อหาและเทคนิควิธีการใช้อย่างมีระบบ

คุณสมบัติของสื่อการสอน 

          สื่อการสอนมีคุณสมบัติพิเศษ 3 ประการ คือ
                1. สามารถจัดยึดประสบการณ์กิจกรรมและการกระทำต่าง ๆ ไว้ได้อย่างคงทนถาวร ไม่ว่าจะเป็นเหตุการณ์ในอดีต
หรือปัจจุบัน ทั้งในลักษณะของรูปภาพ เสียง และสัญลักษณ์ต่าง ๆ สามารถนำไปใช้ได้ตามความต้องการ
                2. สามารถจัดแจงจัดการและปรุงแต่งประสบการณ์ต่าง ๆ ให้ใช้ได้สอดคล้องกับวัตถุประสงค์ของการเรียนการสอน
เพราะสื่อการสอนบางชนิด สามารถใช้เทคนิคพิเศษเพื่อเอาชนะข้อจำกัดในด้านขนาด ระยะทาง เวลา และความเป็นนามธรรม
ของประสบการณ์ตามธรรมชาติได้
                3. สามารถแจกจ่ายและขยายของข่าวสารออกเป็นหลาย ๆ ฉบับเพื่อเผยแพร่สู่คนจำนวนมาก และสามารถใช้ซ้ำ ๆ ได้
หลาย ๆ ครั้ง ทำให้สามารถแก้ปัญหาในด้านการเรียนการสอนต่าง ๆ ทั้งการศึกษาในระบบโรงเรียนและนอกระบบโรงเรียน
ได้เป็นอย่างดี

คุณค่าของสื่อการสอน
               
        1. เป็นศูนย์รวมความสนใจของผู้เรียน
        2. ทำให้บทเรียนเป็นที่น่าสนใจ
        3. ช่วยให้ผู้เรียนมีประสบการณ์กว้างขวาง
        4. ทำให้ผู้เรียนมีประสบการณ์ร่วมกัน
        5. แสดงความหมายและสัญลักษณ์ต่าง ๆ
        6. ให้ความหมายแก่คำที่เป็นนามธรรมได้
        7. แสดงสิ่งที่ลี้ลับให้เข้าใจง่าย
        8. อธิบายสิ่งที่เข้าใจยากให้เข้าใจง่ายขึ้น
        9. สามารถเอาชนะข้อจำกัดต่าง ๆ เกี่ยวกับเวลา ระยะทางและขนาดได้ เช่น
                9.1 ทำให้สิ่งที่เคลื่อนไหวช้าให้เร็วขึ้นได้
                9.2 ทำให้สิ่งที่เคลื่อนไหวเร็วให้ช้าลงได้
                9.3 ย่อสิ่งที่ใหญ่เกินไปให้เล็กลงได้
                9.4 ขยายสิ่งที่เล็กเกินไปให้ใหญ่ขึ้นได้
                9.5 นำสิ่งที่อยู่ไกลเกินไปมาศึกษาได้
                9.6 นำสิ่งที่เกิดขึ้นในอดีตมาให้ดูได้

คุณค่าของสื่อการสอน จำแนกได้ 3 ด้าน คือ

         1. คุณค่าด้านวิชาการ
                 1.1 ทำให้ผู้เรียนเกิดประสบการณ์ตรง
                 1.2 ทำให้ผู้เรียนเรียนรู้ได้ดีกว่าและมากกว่าไม่ใช่สื่อการสอน
                 1.3 ลักษณะที่เป็นรูปธรรมของสื่อการสอน ช่วยให้ผู้เรียนเข้าใจความหมายของสิ่งต่าง ๆ ได้กว้างขวางและ
เป็นแนวทางให้เข้าใจสิ่งนั้น ๆ ได้ดียิ่งขึ้น
                 1.4 ส่วนเสริมด้านความคิด และการแก้ปัญหา
                 1.5 ช่วยให้ผู้เรียนเรียนรู้ได้ถูกต้อง และจำเรื่องราวได้มากและได้นาน
                 1.6 สื่อการสอนบางชนิด ช่วยเร่งทักษะในการเรียนรู้ เช่น ภาพยนตร์ ภาพนิ่ง เป็นต้น
          2. คุณค่าด้านจิตวิทยาการเรียนรู้
                 2.1 ทำให้เกิดความสนใจ และต้องเรียนรู้ในสิ่งต่าง ๆ มากขึ้น
                 2.2 ทำให้เกิดความคิดรวบยอดเป็นเพียงอย่างเดียว
                 2.3 เร้าความสนใจ ทำให้เกิดความพึงพอใจ และยั่วยุให้กระทำกิจกรรมด้วยตนเอง
           3. คุณค่าด้านเศรษฐกิจการศึกษา
                 3.1 ช่วยให้ผู้เรียนที่เรียนช้าเรียนได้เร็วและมากขึ้น
                 3.2 ประหยัดเวลาในการทำความเข้าใจเนื้อหาต่าง ๆ
                 3.3 ผู้เรียนสามารถเรียนรู้ได้เหมือนกันครั้งละหลาย ๆ คน
                 3.4 ช่วยขจัดปัญหาเรื่องเวลา สถานที่ ขนาด และระยะทาง

ประเภทของสื่อการสอน
        การจำแนกสื่อการสอนตามคุณสมบัติ
              ชัยยงค์ พรมวงศ์ (2523 : 112) ได้กล่าวไว้ว่า สื่อการสอนแบ่งเป็น 3 ประเภทใหญ่ ๆ คือ
                  1. วัสดุ (Materials) เป็นสื่อเล็กหรือสื่อเบา บางทีเรียกว่า Soft Ware สื่อประเภทนี้ผุพังได้ง่าย เช่น
                       - แผนภูมิ (Charts)
                       - แผนภาพ (Diagrams)
                       - ภาพถ่าย (Poster)
                       - โปสเตอร์ (Drawing)
                       - ภาพเขียน (Drawing)
                       - ภาพโปร่งใส (Transparencies)
                       - ฟิล์มสตริป (Filmstrip)
                       - แถบเทปบันทึกภาพ (Video Tapes)
                       - เทปเสียง (Tapes) ฯลฯ
                 2. อุปกรณ์ (Equipment) เป็นสื่อใหญ่หรือหนัก บางทีเรียกว่า สื่อ Hardware สื่อประเภทนี้ได้แก่
                       - เครื่องฉายข้ามศีรษะ (Overhead Projectors)
                       - เครื่องฉายสไลค์ (Slide Projectors)
                       - เครื่องฉายภาพยนตร์ (Motion Picture Projectors)
                       - เครื่องเทปบันทึกเสียง (Tape Receivers)
                       - เครื่องรับวิทยุ (Radio Receivers)
                       - เครื่องรับโทรทัศน์ (Television Receivers)
                 3. วิธีการ เทคนิค หรือกิจกรรม (Method Technique or Activities) ได้แก่
                       - บทบาทสมมุติ (Role Playing)
                       - สถานการณ์จำลอง (Simulation)
                       - การสาธิต (Demonstration)
                       - การศึกษานอกสถานที่ (Field Trips)
                       - การจัดนิทรรศการ (Exhibition)
                       - กระบะทราย (Sand Trays)

       การจำแนกสื่อการสอนตามแบบ (Form)
      
      ชอร์ส (Shorse. 1960 : 11) ได้จำแนกสื่อการสอนตามแบบเป็นหมวดหมู่ดังนี้
                 1. สิ่งพิมพ์ (Printed Materials) 
                       - หนังสือแบบเรียน (Text Books)
                       - หนังสืออุเทศก์ (Reference Books)
                       - หนังสืออ่านประกอบ (Reading Books)
                       - นิตยสารหรือวารสาร (Serials)
                 2. วัสดุกราฟิก (Graphic Materials)
                       - แผนภูมิ (Chats)
                       - แผนสถิติ (Graph)
                       - แผนภาพ (Diagrams)
                       - โปสเตอร์ (Poster)
                       - การ์ตูน (Cartoons)
                 3. วัสดุและเครื่องฉาย (Projector materials and Equipment)
                       - เครื่องฉายภาพนิ่ง (Still Picture Projector)
                       - เครื่องฉายภาพเคลื่อนไหว (Motion Picture Projector)
                       - เครื่องฉายข้ามศีรษะ (Overhead Projector)
                       - ฟิล์มสไลด์ (Slides)
                       - ฟิล์มภาพยนตร์ (Films)
                       - แผ่นโปร่งใส (Transparancies)
                 4. วัสดุถ่ายทอดเสียง (Transmission) 
                       - เครื่องเล่นแผ่นเสียง (Disc Recording)
                       - เครื่องบันทึกเสียง (Tape Recorder)
                       - เครื่องรับวิทยุ (Radio Receiver)
                       - เครื่องรับโทรทัศน์ (Television Receiver)

         การจำแนกสื่อการสอนตามประสบการณ์
              เอดการ์ เดล (Edgar Dale. 1969 : 107) เชื่อว่าประสบการณ์ตรงที่เป็นรูปธรรมจะทำให้เกิดการเรียนรู้แตกต่างกับ
ประสบการณ์ที่เป็นนามธรรม ดังนั้นจึงจำแนกสื่อการสอนโดยยึดประสบการณ์เป็นหลักเรียงตามลำดับจากประสบการณ
์ที่ง่ายไปยาก 10 ขั้น เรียกว่า กรวยประสบการณ์ (Cone of Experience)
                 
ขั้นที่ 1 ประสบการณ์ตรง (Direct Experiences) มีความหมายเป็นรูปธรรมมากที่สุดทำให้ผู้เรียนได้เรียนรู้
จากประสบการณ์จริง เช่น เล่นกีฬา ทำอาหาร ปลูกพืชผัก หรือเลี้ยงสัตว์ เป็นต้น
                 ขั้นที่ 2 ประสบการณ์รอง (Verbal Symbols) เป็นกรณีที่ประสบการณ์หรือของจริงมีข้อจำกัด จำเป็นต้องจำลอง
สิ่งต่าง ๆ เหล่านั้นมาศึกษาแทน เช่น หุ่นจำลอง ของตัวอย่าง การแสดงเหตุการณ์จำลองทางดาราศาสตร์
                 ขั้นที่ 3 ประสบการณ์นาฏการ (Dramaticed Experiences) เป็นประสบการณ์ที่จัดขึ้นแทนประสบการณ์ตรง
หรือเหตุการณ์จริงที่เกิดขึ้นในอดีตหรืออาจเป็นความคิด ความฝัน สามารถเรียนด้วยประสบการณ์ตรงหรือประสบการณ์จำลองได้
เช่น การแสดงละคร บทบาทสมมุติ เป็นต้น
                 ขั้นที่ 4 การสาธิต (Demonstration) เป็นการอธิบายข้อเท็จจริงลำดับความคิดหรือกระบวนการเหมาะสมกับเนื้อหา
ที่ต้องการความเข้าใจ ความชำนาญหรือทักษะ เช่น การสาธิตการผายปอดการสาธิตการเล่นของครูพละ เป็นต้น
                 ขั้นที่ 5 การศึกษานอกสถานที่ (Field Trips) เป็นการพาผู้เรียนไปศึกษาหาความรู้นอกห้องเรียน โดยมีจุดมุ่งหมาย
ที่แน่นอน ประสบการณ์นี้มีความเป็นนามธรรมมากกว่าการสาธิต เพราะผู้เรียนแทบไม่ได้มีส่วนในกิจกรรมที่ได้พบเห็นนั้นเลย
                 ขั้นที่ 6 นิทรรศการ (Exhibits) เป็นการจัดประสบการณ์ให้ผู้เรียนได้รับด้วยการดูเป็นส่วนใหญ่ อาจจัดแสดงสิ่งต่าง ๆ
เช่น ของจริง หุ่นจำลอง วัสดุสาธิต แผนภูมิ ภาพยนตร์ เป็นต้น
                 ขั้นที่ 7 โทรทัศน์และภาพยนตร์ (Television and Motion Picture) เป็นประสบการณ์ที่เป็นนามธรรมมากกว่า
การจัดนิทรรศการ เพราะผู้เรียนเรียนรู้ได้ด้วยการดูภาพและฟังเสียงเท่านั้น
                 ขั้นที่ 8 ภาพนิ่ง วิทยุและการบันทึกเสียง (Still Picture) เป็นประสบการณ์ที่รับรู้ได้ทางใดทางหนึ่งระหว่างการฟัง
และการพูด ซึ่งนับเป็นนามธรรมมากขึ้น
                 ขั้นที่ 9 ทัศนสัญลักษณ์ (Visual Symbols) เป็นประสบการร์ที่เป็นนามธรรมมากที่สุด บรรยาย การปราศรัย
คำโฆษณา ฯลฯ ดังนั้นผู้เรียนควรมีพื้นฐานเช่นเดียวกับทัศนสัญลักษณ์นั้น ๆ จะทำให้เกิดการเรียนรู้ได้อย่างดี
                 ขั้นที่ 10 วัจนสัญลักษณ์ (Verbal Symbols) ได้แก่ คำพูด คำอธิบาย หนังสือ เอกสาร แผ่นปลิว แผ่นพับ
ที่ใช้ตัวอักษร ตัวเลข แทนความหมายของสิ่งต่าง ๆ นับเป็นประสบการณ์ที่เป็นนามธรรมมากที่สุด

 

ข้อดีและข้อจำกัดของสื่อการสอน 

       1. สื่อที่ไม่ต้องใช้เครื่องประกอบ
              1.1 หนังสือพิมพ์ สมุดคู่มือ เอกสารหรือสิ่งพิมพ์อื่น ๆ
                  ข้อดี
                        1. วิธีเรียนที่ดีที่สุดสำหรับบางคน ได้แก่ การอ่าน
                        2. สามารถอ่านได้ตามสมรรถภาพของแต่ละบุคคล
                        3. เหมาะสมสำหรับการอ้างอิงหรือทบทวน
                        4. เหมาะสำหรับการผลิตเพื่อแจกเป็นจำนวนมาก
                   ข้อจำกัด
                        1. ต้นทุนการผลิตค่อนข้างสูง
                        2. บางครั้งข้อมูลล้าสมัยง่าย
                        3. สิ่งพิมพ์ที่จำเป็นต้องอาศัยการผลิตต้นแบบหรือการผลิตที่มีคุณภาพ ซึ่งหาได้ยาก
               1.2 ตัวอย่างของจริง
                   ข้อดี
                        1. แสดงสภาพตามความเป็นจริง
                        2. อยู่ในลักษณะสามมิติ
                        3. สัมผัสได้ด้วยสัมผัสทั้ง 4
                    ข้อจำกัด
                        1. การจัดหาอาจลำบาก
                        2. บางครั้งขนาดใหญ่เกินกว่าจะนำมาแสดงได้
                        3. บางครั้งราคาสูงเกินไป
                        4. ปกติเหมาะสำหรับการแสดงต่อกลุ่มย่อย
                        5. บางครั้งเสียหายง่าย
                        6. เก็บรักษาลำบาก
               1.3 หุ่นจำลอง / เท่า / ขยาย / ของจริง
                    ข้อดี
                         1. อยู่ในลักษณะสามมิติ
                         2. สามารถจับต้องและพิจารณารายละเอียด
                         3. เหมาะสำหรับการแสดงที่ไม่สามารถเห็นได้ด้วยตาเปล่า (เช่น ส่วนกลางหู)
                         4. สามารถใช้แสดงหน้าที่
                         5. ช่วยในการเรียนรู้และการปฏิบัติทักษะชนิดต่าง ๆ
                         6. หุ่นบางอย่างสบายสามารถผลิตได้ด้วยวัสดุในท้องถิ่นที่หาง่าย
                    ข้อจำกัด
                         1. ต้องอาศัยความชำนาญในการผลิต
                         2. ส่วนมากราคาแพง
                         3. ปกติเหมาะสำหรับการแสดงต่อกลุ่มย่อย
                         4. ชำรุดเสียหายง่าย
                         5. ไม่เหมือนของจริงทุกประการบางครั้งทำให้เกิดความเข้าใจผิด
                1.4 กราฟิก / แผนภูมิ / แผนภาพ / แผนผัง / ตาราง
                    ข้อดี
                        1. ช่วยในการชี้ให้เห็นความสัมพันธ์ระหว่างเนื้อหา
                        2. ช่วยแสดงลำดับขั้นตอนของเนื้อหา
                        3. ภาพถ่ายมีลักษณะใกล้ความเป็นจริง ซึ่งดีกว่าภาพเขียน
                    ข้อจำกัด
                        1. เหมาะสำหรับกลุ่มเล็ก ๆ
                        2. เพื่อให้งานกราฟิกได้ผลจำเป็นต้องใช้ช่างเทคนิคที่ค่อนข้างมีความชำนาญในการผลิต
                        3. การใช้ภาพบางประเภท เช่น ภาพตัดส่วน (Sectional drawings) หรือการ์ตูน อาจไม่ช่วยให้กลุ่มเป้าหมาย
เกิดความเข้าใจดีขึ้นแต่กลับทำให้งง เพราะไม่สามารถสัมผัสของจริงได้
               1.5 กระดานชอล์ค
                   ข้อดี
                        1. ต้นทุนราคาต่ำ
                        2. สามารถใช้เขียนงานกราฟิกได้หลายชนิด
                        3. ช่วยในการสร้างความเข้าใจตามลำดับเรื่องราวเนื้อหาสามารถนำไปใช้ได้อีก
                   ข้อจำกัด
                        1. ผู้เขียนต้องหันหลังให้กลุ่มเป้าหมาย
                        2. กลุ่มเป้าหมายจำนวนเพียง 50 คน
                        3. ภาพหัวข้อหรือประเด็นคำบรรยายต้องถูกลบ ไม่สามารถนำไปใช้ได้อีก
                        4. ผู้เขียนต้องมีความสามารถในการเขียนกระดานพอสมควรทั้งในการเขียนตัวหนังสือ
               1.6 แผ่นป้ายสำลี / แผ่นป้ายแม่เหล็ก
                   ข้อดี
                        1. สามารถนำกลับมาใช้ได้อีก
                        2. วัสดุในการผลิตหาได้ง่าย
                        3. เหมาะสำหรับแสดงความเกี่ยวพันของลำดับเนื้อหา เป็นขั้นตอน
                        4. ช่วยดึงดูดความสนใจ
                        5. สามารถให้กลุ่มเป้าหมายร่วมใช้เพื่อสร้างความสนใจและทดสอบความเข้าใจ
                  ข้อจำกัด
                        - เหมาะสำหรับกลุ่มย่อย

         2. สิ่งที่ต้องใช้เครื่องฉายประกอบ (Projectable Media)
               2.1 ชนิดที่ไม่มีการเคลื่อนไหว หรือภาพนิ่ง (Still Picture)
                    2.1.1 เครื่องฉายทึบแสง (Opaque Projector) 
                      ข้อดี
                        1. สามารถขยายภาพถ่ายหรือภาพเขียนให้มีขนาดใหญ่ ซึ่งแม้กลุ่มจะใหญ่ก็เห็นชัดเจนทั่วถึงกัน
                        2. ช่วยลดภาวะการผลิตสไลด์และแผ่นภาพโปร่งแสง (Overhead Transparencies)
                        3. สามารถขยายภาพบนแผ่นกระดาษ เพื่อจะได้วาดภาพขยายได้ถูกต้อง
                        4. ช่วยในการขยายวัตถุที่มีขนาดเล็กให้กลุ่มใหญ่ ๆ เห็นได้ทั่วถึง
                      ข้อจำกัด
                        1. เมื่อจะใช้เครื่องจะต้องมีห้องที่มืดสนิทจึงจะเห็นภาพขยาย
                        2. เครื่องมีขนาดใหญ่มาก ขนย้ายลำบาก
                        3. ต้องใช้ไฟฟ้า
                    2.1.2 ไมโครฟิล์ม
                     ข้อดี
                        1. สะดวกต่อการเก็บรักษาและสามารถจัดประเภทได้ง่าย หากมีไมโครฟิล์มจำนวนมาก ๆ
                        2. เหมาะสำหรับใช้ในการแลกเปลี่ยนความรู้ เพราะมีขนาดเล็ก
                        3. ต้นทุนการผลิตค่อนข้างต่ำแต่ต้องมีเครื่องฉายที่ดี
                        4. ขนาดเล็ก และน้ำหนักเบาหยิบใช้ง่าย
                     ข้อจำกัด
                        1. ไม่สามารถมองเห็นได้ด้วยตาเปล่า
                        2. เครื่องขยายที่ใช้คนดูคนเดียวมีราคาถูก แต่เครื่องฉายสำหรับกลุ่มใหญ่มีราคาแพง
                        3. เครื่องขยายต้องใช้ไฟฟ้า (ยกเว้นเครื่องส่งขนาดเล็ก)

            2.2 ชนิดที่มีการเคลื่อนไหว (Moving Picture)
                   2.2.1 ฟิล์ม / ภาพยนตร์ (ทั้ง 16 มม. และ 8 มม.)
                    ข้อดี
                        1. ให้ภาพที่มีการเคลื่อนไหวและให้เสียงประกอบ ซึ่งทั้งสองอย่างมีลักษณะใกล้ความจริงมากที่สุด
                        2. เหมาะสำหรับกลุ่มทุกขนาด คือ สามารถใช้ได้ทั้งกลุ่มเล็กและกลุ่มใหญ่
                        3. ใช้เนื้อที่และเวลาน้อยในการเสนอ
                        4. เหมาะสำหรับใช้จูงใจสร้างทัศนคติและแนะปัญหาหรือแสดงทักษะ
                        5. ฟิล์ม 8 มม. เหมาะสำหรับการเรียนรู้ด้วยตนเอง
                        6. เหมาะสำหรับให้ความรู้ แต่ผู้ใช้จะต้องอธิบายข้อความบางอย่างเกี่ยวกับภาพยนตร์โดยละเอียด
ก่อนทำการฉายหรือเมื่อฉายจบแล้วควรจะให้มีการซักถามปัญหา หรืออภิปรายกลุ่มสรุปเรื่องราวอีกด้วย
                     ข้อจำกัด
                        1. ไม่สามารถหยุดภาพยนตร์เมื่อมีใครมีข้อสงสัย
                        2. ต้นทุนในการผลิตสูงมากและกรรมวิธีการผลิตยุ่งยาก
                        3. การผลิตฟิล์มจำนวนน้อย ๆ (ก๊อปปี้) ทำให้ต้นทุนการผลิตสูงขึ้นกว่าเดิมมาก
                        4. ต้องใช้ไฟฟ้าในการฉาย
                        5. ลำบากต่อการโยกย้ายอุปกรณ์สำหรับฉาย
                        6. จำเป็นต้องฉายที่มืดจึงจะมองเห็น (นอกจากจะใช้จอฉายกลางวัน)
                        7. บางครั้งถ้าใช้ภาพยนตร์ต่างประเทศอาจจะไม่ตรงตามความต้องการของผู้ใช้จริง ๆ
                   2.2.2 โทรทัศน์วงจรเปิด (Open Circuit Television)
                    ข้อดี
                        1. สามารถใช้กับทั้งกลุ่มใหญ่ กลุ่มย่อย และถ่ายทอดได้ในระยะไกล ๆ
                        2. ช่วยในการดึงดูดความสนใจ
                        3. เหมาะสำหรับใช้ในการจูงใจ สร้างทัศนคติและเสนอปัญหา (ให้ผู้ชมคิดหรือเสริมสร้างการอภิปรายร่วม)
                        4. ช่วยลดภาวะของผู้ใช้ คือ แทนที่จะบรรยายหลายแห่งต่อคน ที่ต่าง ๆ เห็นได้ในเวลาเดียวกัน
                    ข้อจำกัด
                        1. ต้นทุนการจัดรายการสูงและต้องใช้ช่างผู้ชำนาญในการทำรายการ
                        2. เครื่องรับโทรทัศน์มีราคาสูงและบำรุงรักษายาก
                        3. ต้องใช้ไฟฟ้า
                        4. ผู้ชมต้องปรับตัวเข้ารายการผู้ใช้หรือผู้บรรยายไม่สามารถปรับตัวเข้ากับผู้ชมได้
                   2.2.3 โทรทัศน์วงจรปิด (Closed Circuit Television) 
                    ข้อดี

                        1. สามารถใช้ได้ในกลุ่มย่อยและกลุ่มคนที่มีไม่มากจนเกินไป
                        2. สามารถฉายซ้ำเมื่อผู้ชมเกิดความไม่เข้าใจ
                        3. แสดงการเคลื่อนไหว
                        4. สามารถใช้ได้ในกรณีที่มีบริเวณหรือเวลาจำกัด
                        5. เหมาะสำหรับใช้ในการจูงใจสร้างทัศนคติและเสนอปัญหา
                        6. เหมาะสำหรับใช้ในการขยายภาพ / บันทึกเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเป็นขั้นตอนแต่ใช้เวลามากในการพัฒนา
                   
ข้อจำกัด
                        1. ต้นทุน อุปกรณ์และการผลิตสูงและต้องใช้ผู้ชำนาญในการผลิต / จัดรายการ
                        2. ต้องใช้ไฟฟ้า (แม้ว่าจะสามารถใช้แบตเตอรี่ได้ ก็อาจจะต้องชาร์ตไฟ)
                        3. เครื่องรับมีราคาสูง และยากแก่การบำรุงรักษา



ขอบคุณข้อมูลจาก  reg.ksu.ac.th/teacher/sudatip/elearning_files/data2.html


สรูป
      สื่อ  คือ   องค์ประกอบหนึ่งซึ่งที่ว่าสำคัญในการจัดการเรียนการสอนเพื่อให้เกิดการเรียนรู้อย่างแท้จริงและเข้าใจ
อย่างถ่องแท้ มีอยู่หลายรูปแบบครูผู้สอนควรคำนึงถึงการใช้สื่อว่าต้องมีความสอดคล้องกับเนื้อหาที่จะสอนนั้นๆด้วย
เพื่อประสิทธิภาพอันสูงสุดของการจัดการเรียนการสอน


วิธีการสอน






















การสอนคืออะไร
สุมิตร คุณานุกร ได้ให้ความหมายของการสอนไว้ว่าการสอนมิได้หมายถึงการให้วิชาความรู้หรือเนื้อหาเท่านั้นแต่ยังรวมถึงการช่วยให้เด็กได้คิด โดยการถามคำถามเด็กการแนะนำแนะแนวเพื่อช่วยเด็กแก้ปัญหาการให้ความช่วยเหลือแก่เด็กด้านต่างๆ
โฮมินท์ เคยกล่าวไว้ว่าการสอนคือการที่บุคคลผู้หนึ่ง(ครู)นำเอาความรู้สึกนึกคิดและชีวิตของตนเองมาเผยแผ่ให้อีกบุคคลหนึ่ง(ผู้เรียน)ทราบเพื่อให้ผู้เรียนได้พิจารณาและเลือกสรรเอาคุณสมบัติ ทัศนคติ และค่านิยมที่จับใจมายึดถือเป็นของตนเองและปฏิบัติตาม
พุทธทาสภิกขุได้ให้ความหมายของการสอนไว้ว่า การสอนคือการคือการนำทางวิญญาณและครูคือผู้นำทางวิญญาณ
***ดังนั้นอาจสรุปได้ว่า การสอนคือ การกระทำของครู เพื่อให้นักเรียนเกิดผลตามความมุ่งหมายของการศึกษาที่วางไว้
วิธีการสอน (Teaching Method) คือ ขั้นตอนที่ผู้สอนดำเนินการให้ผู้เรียนเกิดการเรียนรู้ตามวัตถุประสงค์ ด้วยวิธีการต่างๆ ที่แตกต่างกันไปตามองค์ประกอบและขั้นตอนสำคัญอันเป็นลักษณะเด่นหรือลักษณะเฉพาะที่ขาดไม่ได้ของวิธีนั้น (ทิศนา เขมณี,2551:หน้า3)
         เรายกตัวอย่างมา  6  วิธีคือ
1.วิธีการสอนแบบบรรยาย
2.วิธีการสอนแบบสาธิต
3.วิธีการสอนแบบอภิปราย
4.วิธีการสอนแบบแบ่งกลุ่มทำกิจกรรม
5.วิธีการสอนแบบแก้ปัญหา
6.วิธีการสอนแบบโครงงาน
ซึ่งแต่ละวิธีก็มีวิธีการแตกต่างกันไปแล้วแต่ผู้ผู้สอนว่าจะเลือกใช้วิธีการสอนแบบใด

ขอบคุณข้อมูลจาก  reg.ksu.ac.th/teacher/sudatip/elearning

สรุป
      วิธีการสอนนั้นครูผู้สอนจะต้องเลือกวิธีการสอนทที่เข้ากับผู้เรียนได้ดี ก่อนที่จะเลือวิธีการสอนใดๆนั้นควรมีการวิเคราะห์ผู้เรียนไปรายบุคคลก่อนที่จะเลือวิธีการสอนแบบนั้นๆมาใช้เพื่อให้ผู้เรียนสามารถเรียนรู้ได้อย่างมีประสิธิภาพ







ความหมายของแหล่งการเรียนรู้
        แหล่งการเรียนรู้  หมายถึง  แหล่งข่าวสารข้อมูล  สารสนเทศ  แหล่งความรู้ทางวิทยาการ
และประสบการณ์ที่สนับสนุนส่งเสริมให้ผู้เรียน ใฝ่เรียน ใฝ่รู้ แสวงหาความรู้และเรียนรู้ด้วยตนเอง
ตามอัธยาศัยอย่างกว้างขวางและต่อเนื่องจากแหล่งต่าง ๆ  เพื่อเสริมสร้างให้ผู้เรียนเกิดกระบวนการเรียนรู้  และเป็นบุคคลแห่งการเรียนรู้    (กรมสามัญศึกษา, 2544, หน้า 6)
  
ความสำคัญของแหล่งการเรียนรู้     (กรมสามัญศึกษา, 2544, หน้า  6)
        1.  เป็นแหล่งการศึกษาตามอัธยาศัย
        2.  เป็นแหล่งการเรียนรู้ตลอดชีวิต
        3.  เป็นแหล่งปลูกฝังนิสัยรักการอ่าน  การศึกษาค้นคว้าและการแสวงหาความรู้ด้วยตนเอง
        4.  เป็นแหล่งสร้างเสริมประสบการณ์ภาคปฏิบัติ
        5.  เป็นแหล่งสร้างเสริมความรู้  ความคิด  วิทยาการและประสบการณ์
     
วัตถุประสงค์ของการจัดแหล่งการเรียนรู้ในโรงเรียน   (กรมสามัญศึกษา, 2544, หน้า 8)
        1.  พัฒนาโรงเรียนให้เป็นสังคมแห่งการเรียนรู้  มีแหล่งข้อมูล  ข่าวสาร  ความรู้วิทยาการ  และสร้างเสริม ประสบการณ์ที่กว้างขวางหลากหลาย
        2.  เสริมสร้างบรรยากาศการเรียนรู้ในโรงเรียน  โดยเน้นผู้เรียนเป็นสำคัญ
        3.  จัดระบบและพัฒนาเครือข่ายสารสนเทศ  และแหล่งการเรียนรู้ในโรงเรียน
        4.  ส่งเสริมให้ผู้เรียนมีทักษะการเรียนรู้  เป็นผู้ใฝ่เรียน  ใฝ่รู้  และเรียนรู้ด้วยตนเองอย่างต่อเนื่อง
เรียนรู้ได้ทุกเวลาทุกสถานที่
ประเภทของแหล่งการเรียนรู้  (กรมสามัญศึกษา,  2544, หน้า  9-10)
        แหล่งการเรียนรู้แบ่งเป็น  2  ประเภท  ดังนี้
หรืออาจแบ่งแหล่งการเรียนรู้ที่อยู่รอบตัวผู้เรียน  (ศิริกาญจน์  โกสุมภ์  และดารณี  คำวัจนัง,
2545, หน้า  33)
1. เทคโนโลยี  ได้แก่  
  • คอมพิวเตอร์   
  • อีเมล์ (e-mail)  
  • อินเทอร์เน็ต
2. สิ่งแวดล้อม  ได้แก่   
  • แหล่งน้ำ  เช่น  แม่น้ำ  ลำคลอง ห้วย  หนอง  บึง  วนอุทยาน
  • ภูเขา เช่น  ถ้ำ  หินงอก  หินย้อย 
  • สวนพฤกษศาสตร์  เช่น  สวนสมุนไพร  สวนป่าธรรมชาติ สวนพฤกษศาสตร์ในโรงเรียน  สวนสาธารณะ 
  • เขื่อน
3.  สถานที่  ได้แก่ 
  • สถานที่สำคัญทางศาสนา   เช่น  วัด  โบสถ์  มัสยิด  สุเหร่า   
  • ปูชณียสถาน โบราณสถาน  
  • โรงเรียน  
  • โรงพยาบาล 
  • ไปรษณีย์  
  • สถานีตำรวจ  
  • พิพิธภัณฑ์  
  • ห้องสมุด  เช่น  ห้องสมุดโรงเรียน  ห้องสมุดในชุมชน
4.  สื่อสารมวลชน  ได้แก่  หนังสือพิมพ์  โทรทัศน์  ETV  วิทยุ  สารสนเทศ
5.  บุคลากร  ได้แก่  
  • เพื่อน  เช่น เพื่อนในห้องเรียน  เพื่อนในชุมชน  
  • ครู  เช่น ครูใหญ่  ผู้อำนวยการ  ครูวิชาต่าง ๆ  
  • ผู้นำชุมชน  เช่น ผู้นำศาสนา  
  • แพทย์  
  • องค์การบริหารส่วนตำบล (อบต.)  
  • ตำรวจ
  • ภูมิปัญญาชาวบ้าน  เช่น  ดนตรี  ก่อสร้าง  ยารักษาโรค  การนวดแผนโบราณ

ขอบคุณข้อมูลจาก http://www.bangkapi.ac.th/

สรุป




                                                นางสาวขนิษฐา  มัชปาโต รหัสนักศึกษา 58723713303 
                                  ป.บัณฑิตวิชาชีพครู  มหาวิทยาลัยราชภัฏสกลนคร สัปดาห์ที่  10    10/10/58


ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น