คณะศึกษาศาสตร์ มหาวิทยาลัยศิลปากร
การจัดการความรู้ (Knowledge management
- KM)
KM คือ
การจัดการความรู้ (Knowledge management - KM) คือ
การรวบรวม สร้าง จัดระเบียบ แลกเปลี่ยน และประยุกต์ใช้ความรู้ในองค์กร โดยพัฒนาระบบจาก
ข้อมูล ไปสู่ สารสนเทศ เพื่อให้เกิด ความรู้ และ ปัญญา ในที่สุด
การจัดการความรู้ประกอบไปด้วยชุดของการปฏิบัติงานที่ถูกใช้โดยองค์กรต่างๆ เพื่อที่จะระบุ
สร้าง แสดงและกระจายความรู้ เพื่อประโยชน์ในการนำไปใช้และการเรียนรู้ภายในองค์กร อันนำไปสู่การจัดการสารสนเทศที่มีประสิทธิภาพมากขึ้น
ซึ่งเป็นสิ่งที่จำเป็นสำหรับการดำเนินการธุรกิจที่ดี องค์กรขนาดใหญ่โดยส่วนมากจะมีการจัดสรรทรัพยากรสำหรับการจัดการองค์ความรู้
โดยมักจะเป็นส่วนหนึ่งของแผนกเทคโนโลยีสารสนเทศหรือแผนกการจัดการทรัพยากรมนุษย์
รูปแบบการจัดการองค์ความรู้โดยปกติจะถูกจัดให้เป็นไปตามวัตถุประสงค์ขององค์กรและประสงค์ที่จะได้ผลลัพธ์เฉพาะด้าน
เช่น เพื่อแบ่งปันภูมิปัญญา,เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการทำงาน,
เพื่อความได้เปรียบทางการแข่งขัน, หรือเพื่อเพิ่มระดับนวัตกรรมให้สูงขึ้น
นิยามของ KM
ปัจจุบันโลกได้เข้าสู่ยุคเศรษฐกิจฐานความรู้ (Knowledge-based
Economy – KBE) งานต่างๆ จำเป็นต้องใช้ความรู้มาสร้างผลผลิตให้เกิดมูลค่าเพิ่มมากยิ่งขึ้น
การจัดการความรู้เป็นคำกว้างๆ ที่มีความหมายครอบคลุมเทคนิค กลไกต่างๆ มากมาย เพื่อสนับสนุนให้การทำงานของแรงงานความรู้
(Knowledge Worker) มีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น กลไกดังกล่าวได้แก่ การรวบรวมความรู้ที่กระจัดกระจายอยู่ที่ต่างๆ
มารวมไว้ที่เดียวกัน การสร้างบรรยากาศให้คนคิดค้น เรียนรู้ สร้างความรู้ใหม่ๆ ขึ้น
การจัดระเบียบความรู้ในเอกสาร และทำสมุดหน้าเหลืองรวบรวมรายชื่อผู้มีความรู้ในด้านต่างๆ
และที่สำคัญที่สุด คือการสร้างช่องทาง และเงื่อนไขให้คนเกิดการแลกเปลี่ยนความรู้ระหว่างกัน
เพื่อนำไปใช้พัฒนางานของตนให้สัมฤทธิ์ผล
สรุป
การจัดการความรู้ คือ การรวบรวม การสร้าง การจัดระเบียบ การแลกเปลี่ยน และการประยุกต์ใช้ความรู้ในองค์กร โดยพัฒนาระบบจาก ข้อมูล ไปสู่ ระบบสารสนเทศ เพื่อให้เกิด ความรู้ และ ปัญญา อย่างมีประสิทธิภาพ
Flippled Classroom Model
Flippled Classroom Model คือ การลดเวลาเรียนรู้ที่โรงเรียนหรือสถานศึกษาซึ่งจะเป็นการให้นักเรียนไปศึกษาและทำได้ที่บ้านโดยใช้เทคโนโลยีเข้ามาช่วงในการเรียนรู้ซึ่งตามความเป็นจริงของคนส่วนใหญ่ในประเทศไทยและสามารถทำได้น้อยมากเพราะตามชนบทและการเข้าถึงทางด้านเทคโนโลยีหรือฐานะแล้วเป็นไปได้ยากมาก แต่อย่างใดก็ตามการเรียนรู้ไม่ว่าจะเป็นแบบใดตามทฤษฎีใดๆก็ตามจะมีประสิทธิภาพหรือไม่นั้นก็ขึ้นอยู่กับตัวผู้เรียนรู้เป็นสำคัญและครูผู้สอนที่นำความรู้มาถ่ายทอดก็สำคัญเช่นกันค่ะ
การวิจัยในชั้นเรียน
(Classroom Action Research :CAR)
กระบวนการวิจัยปฏิบัติการ
1. การวิเคราะห์สภาพปัญหาที่เกิดขึ้นในการทำงาน
2. กำหนดคำถามวิจัยที่ต้องการค้นหาคำตอบ โดยการวิจัยปััญหาที่เกิดขึ้น
3. หาแนวทางแก้ไข (ใช้วงจร PAOR )
4. ลงมือปฏิบัติ
5. นำผลที่ได้ให้เพื่อนร่วมงาน/ผู้เกี่ยวข้องวิพากษ์วิจารณ์
1. การวิเคราะห์สภาพปัญหาที่เกิดขึ้นในการทำงาน
2. กำหนดคำถามวิจัยที่ต้องการค้นหาคำตอบ โดยการวิจัยปััญหาที่เกิดขึ้น
3. หาแนวทางแก้ไข (ใช้วงจร PAOR )
4. ลงมือปฏิบัติ
5. นำผลที่ได้ให้เพื่อนร่วมงาน/ผู้เกี่ยวข้องวิพากษ์วิจารณ์
ขั้นตอนการดำเนินการวิจัยปฏิบัติการ
1. ขั้นการวางแผน(Planning)
2. ขั้นการปฏิบัติการ (Action)
3. ขั้นการสังเกตการณ์ (Observing)
4. ขั้นการสะท้อนผล (Reflect และหรือ Revise)
ขั้นการวางแผน
การวางแผนการวิจัยปฏิบัติการ จะเกิดขึ้นภายหลังการวิเคราะห์สภาพการณ์หรือปัญหาที่เกิิดขึ้นในการทำงาน ซึ่งจะนำไปสู่การตั้งคำถามวิจัย ขั้นวางแผนประกอบด้วย การวางแผนกิจกรรม การวางแผนวิธีการ/เครื่องมือที่จะใช้พัฒนา แหล่งข้อมูลที่ต้องการ ผู้รับผิดชอบกิจกรรมและระยะเวลาที่จะปฏิบัติ
ขั้นปฏิบัติการ
เป็นการนำแผนที่วางไว้ไปสู่การปฏิบัติจริง
ขั้นการสังเกตการณ์
เป็นขั้นตอนของการแสดงวิธีการสังเกตและประเมินผลการปฏิบัติตามแผนงานที่วางไว้
ขั้นการสะท้อนผล
เป็นขั้นตอนของการตีความหมายของข้อมูลหรือแปลความหมายของผลการวิเคราะห์ผลจะกระทำทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้องร่วมกันอภิปรายที่เกิดขึ้นร่วมกัน
1. ขั้นการวางแผน(Planning)
2. ขั้นการปฏิบัติการ (Action)
3. ขั้นการสังเกตการณ์ (Observing)
4. ขั้นการสะท้อนผล (Reflect และหรือ Revise)
ขั้นการวางแผน
การวางแผนการวิจัยปฏิบัติการ จะเกิดขึ้นภายหลังการวิเคราะห์สภาพการณ์หรือปัญหาที่เกิิดขึ้นในการทำงาน ซึ่งจะนำไปสู่การตั้งคำถามวิจัย ขั้นวางแผนประกอบด้วย การวางแผนกิจกรรม การวางแผนวิธีการ/เครื่องมือที่จะใช้พัฒนา แหล่งข้อมูลที่ต้องการ ผู้รับผิดชอบกิจกรรมและระยะเวลาที่จะปฏิบัติ
ขั้นปฏิบัติการ
เป็นการนำแผนที่วางไว้ไปสู่การปฏิบัติจริง
ขั้นการสังเกตการณ์
เป็นขั้นตอนของการแสดงวิธีการสังเกตและประเมินผลการปฏิบัติตามแผนงานที่วางไว้
ขั้นการสะท้อนผล
เป็นขั้นตอนของการตีความหมายของข้อมูลหรือแปลความหมายของผลการวิเคราะห์ผลจะกระทำทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้องร่วมกันอภิปรายที่เกิดขึ้นร่วมกัน
โดย อ.ดร.เพชรมณี วิริยะสืบพงศ์
การวิจัยในชั้นเรียน ภาษาอังกฤษเรียกว่า Classroom Action Research คือกระบวนการหาความรู้หรือวิธีการใหม่ ๆ รวมทั้งการประดิษฐ์คิดค้นสิ่งใหม่ ๆ เพื่อนำมาใช้ในการเรียนการสอนเพื่อแก้ปัญหาที่เกิดจากการเรียนการสอนในชั้นเรียนของตนเอง หรือเพื่อพัฒนาการเรียนรู้ของนักเรียน ผลการวิจัยใช้ได้เฉพาะกลุ่มที่ทำการศึกษา บางทีเราเรียกว่า การวิจัยเชิงปฏิบัติการในชั้นเรียน (Classroom Action Research) หรือการวิจัยเพื่อพัฒนาการเรียนรู้
Kemmis, S.กล่าวว่า Kurt Lewin เป็นคนแรกที่ใช้คำว่า"action reseach" โดยมีขอบเขตอยู่ที่การ แก้ปัญหา และพัฒนาผู้เรียนเป็นสำคัญ หลักสูตรการศึกษาขั้นพื้นฐานพุทธศักราช ๒๕๔๔ได้กำหนดแนวทางการพัฒนาศักยภาพครูให้มีความเป็นผู้นำทางวิชาการปฏิบัติหน้าที่ โดยใช้กระบวนการวิจัยเพื่อพัฒนาการเรียนรู้ให้ครูสามารถใช้การวิจัย เพื่อพัฒนาการเรียนรู้ให้ครูสามารถใช้การวิจัยเป็นส่วนหนึ่งของกระบวนการเรียนรู้ และให้สามารถศึกษา ค้นคว้า วิจัย เพื่อพัฒนาสื่อการเรียนรู้ให้สอดคล้องกับ กระบวนการเรียนรู้ของผู้เรียนซึ่งสอดคล้อง กับพระราชบัญญัติการศึกษาแห่งชาติ พ.ศ. ๒๕๔๒ มาตรา ๒๔ (๕) ให้สถานศึกษาส่งเสริมให้ครูผู้สอนสามารถใช้การวิจัยเป็นส่วนหนึ่งของกระบวนการเรียนรู้ มาตรา ๓๐ ให้สถานศึกษาส่งเสริมให้ผู้สอนสามารถวิจัยเพื่อพัฒนาการเรียนรู้ มาตรา ๖๗ รัฐจ้องส่งเสริมให้มีการวิจัยและพัฒนา การผลิตและการพัฒนาเทคโนโลยีเพื่อการศึกษา โดยมีครูเป็นผู้ปฏิบัติการวิจัย เรียกว่า ครูนักวิจัย (teacher as Research)ซึ่งจะต้องมีพันธกิจ (Mission) ที่จะต้องค้นหาคำตอบเพื่อแก้ปัญหาต่อไป
จุดประสงค์ทั่วไปของการทำวิจัย
๑. เพื่อแก้ปัญหานักเรียนในชั้นที่ตนเองสอน
- สอนไปแล้วมีปัญหา หรือนำปัญหาจากผลการสอนปีที่ผ่านมาหรือคิดหาวิธีการสอนใหม่ๆ มาช่วยให้การสอน สนุกสนานยิ่งขึ้นแล้วทำการวิจัยโดยไม่จำเป็นต้องเขียนเค้าโครงการวิจัยก็ได้
สรุป
การที่ครูจะเป็นผู้ที่ได้ชื่อว่าเป็นผู้ประกอบวิชาชีพครูซึ่งถือว่าเป็นวิชาชีพชั้นสูงนั้น จำเป็นจะต้องมีการพัฒนางานในหน้าที่ของตนให้มีความก้าวหน้าอยู่เสมอ ไม่ว่าจะเป็นปัจจัยในการจัด กิจกรรมการเรียนรู้ กระบวนการจัดกิจกรรมการเรียนรู้ หรือคุณลักษณะของผู้เรียนหรือเรียกว่า ผลผลิตของการจัดกิจกรรมการเรียนรู้ โดยที่ครูจะต้องทำการศึกษาค้นคว้าอย่างเป็นระบบ ละเอียดถี่ถ้วน อาศัยหลักวิชาการ ซึ่งกระบวนการนี้ก็คือ “การวิจัยในชั้นเรียน” ซึ่งครูสามารถเริ่มที่การวิเคราะห์ปัญหาที่เกิดขึ้นในห้องเรียนของตน แล้วศึกษาค้นคว้าและแสวงหาวิธีการหรือเครื่องมือใหม่ที่คิดว่าสามารถแก้ปัญหาได้หรือเรียกว่า “นวัตกรรม” ทดลองใช้นวัตกรรมนี้ แล้วศึกษาผลการใช้นวัตกรรมว่าสามารถแก้ปัญหาได้หรือไม่ และเขียนรายงานการวิจัยออกมาเป็นรูปเล่ม และนี่ก็คือ แนวทางหนึ่งที่มีประสิทธิภาพที่จะนำครูไปสู่ครูชั้นวิชาชีพชั้นสูง
นางสาวขนิษฐา มัชปาโต รหัสนักศึกษา 58723713303
นักศึกษา ป.บัณฑิตวิชาชีพครู 2558 หมู่ที่ 3
มหาวิทยาลัยราชภัฏสกลนคร สัปดาห์ที่ 8 26/09/58
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น